Home page

Tuesday 27 December 2011

[How to]วิธีเก่งภาษาอังกฤษโดยธรรมชาติ

“Knowledge is power.” - Sir Francis Bacon
ภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่จำเป็นมากๆเลยนะครับสำหรับคนที่ต้องการความก้าวหน้าในชีวิต ต้องการงานดีๆในบริษัทดีๆ ใช้สำหรับติดต่อกับชาวต่างชาติได้เกือบครึ่งโลก และความรู้ทั้งหลายในโลก 90% เป็นภาษาอังกฤษนะครับ และความรู้ทั้งหลายก็กองอยู่บนอินเตอร์เน็ตให้เราอ่านเป็นล้านๆชาติก็ไม่หมด  แล้วภาษาอังกฤษมันก็ใช้หาเงินได้ดีด้วย เช่น ใช้ในการติวหนังสือ หรือเป็นไกด์ทัวร์(อาชีพในฝัน ของหลายๆคน) ผมเองเป็นคนที่เกลียดเรื่องวิชาการที่อยู่ในหนังสือเรียoมากๆ แต่นอกจากนั้น ผมอ่านหมดทั้งวิชาการและไม่วิชาการ เรื่องต่างๆที่ผมเอามาเขียนในเว็บนี้ส่วนมากก็จะเอามาจากเว็บต่างประเทศ เวลาผมอยากรู้อะไรก็จะหาเป็นภาษาอังกฤษ เข้าไปอ่านในเว็บบอร์ดฝรั่ง เพราะมันมีคนเขียนถึงมากกว่า ยิ่งคนเขียนถึงมาก เรายิ่งได้ข้อมูลมากขึ้น แต่ผมว่าหลายๆคนคงเกลียดการเรียนภาษาอังกฤษเข้าใส้เลยทีเดียว แต่ลองทำตามผมดู รับรองว่าไม่นานจะฟังพูดอ่านเขียนภาษาอังกฤษได้ดีขึ้นมากๆ ทั้งๆที่ไม่ได้อ่านหนังสือแกรมม่าหรือท่องศัพท์เลย และผมเชื่อว่าวิธีนี้ได้ผล เพราะเพื่อนๆของผมเองที่ทำตามวิธีข้างล่างโดยไม่รู้ตัว ก็ได้ A วิชาภาษาอังกฤษมาอย่างง่ายดายเหมือนกัน
1.เปลี่ยนทัศนคติ
ทัศนคติเป็นสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับ “ทุกๆเรื่องในชีวิต” นะครับ ถ้าสมมติว่าคุณว่ายน้ำไม่เป็น แล้วมีคนบอกคุณว่าน้ำบ่อนี้ลึกมาก และผลักคุณลงไป และคุณยังยึดคติที่ว่าน้ำลึก คุณก็อาจพยายามว่าน้ำจนจมน้ำไป ทั้งๆที่ไม่ลองหยั่งดูเลยว่าน้ำมันลึกจริงๆหรือเปล่า สำหรับเรื่องการเรียนภาษาก็เหมือนกันครับ หลายๆคนแค่เห็นตัวอักษรก็เมินหน้าหนีแล้ว ไม่คิดจะอ่านมันหรอก แม้ว่าคำนั้นอาจจะเขียนว่า Don’t! หรือ Watch Out! ก็ตาม เชื่อผมเถอะครับ ถ้าคุณได้อ่านบทความนี้แสดงว่าคุณเองก็อยากจะเก่งภาษาอังกฤษเหมือนกัน ขั้นแรกที่คุณ ต้องทำเลยก็คือ ปลดปล่อยอคติ และมีทัศนคติที่ดีกับภาษาอังกฤษ วิธีที่ผมใช้ในการสร้างแรงบันดาลใจในทำอะไรบางอย่างที่ผมรู้สึกว่าผมไม่อยากทำ นั่นก็คือหาสมุดเล่มหนึ่ง และเขียนลงไปถึงสิ่งดีๆที่จะเกิดขึ้นหลังจากคุณทำสิ่งๆนี้แล้ว แล้วก็เปิดอ่านบ่อยๆ หรือ ติดไว้ที่ประตู

2.เริ่มจากฟังเพลง
“ชนใดไม่มีดนตรีกาล ในสันดานเป็นคนชอบกลนัก” คำกลอนนี้บ่งบอกถึงธรรมชาติของมนุษย์ได้อย่างดีทีเดียว มีใครที่ไหนบ้างที่ไม่ชอบดนตรี? การฟังเพลงภาษาอังกฤษในที่นี้ไม่ได้หมายถึง จะให้คุณเข้าใจทุกๆคำ เพราะมันแทบจะเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว ผมเชื่อว่าทุกๆคนคงจะเคยได้ยินเพลงๆหนึ่ง ตั้งหลายครั้งโดยไม่ได้ตั้งใจ แต่พอนึกดูดีๆ ดันไม่รู้เลยว่าเพลงมันพูดถึงอะไรกันแน่ เพลงภาษาอังกฤษก็เหมือนกันครับ เราไม่ได้ฟังเพื่อเนื้อหาขนาดนั้น แต่ที่ผมบอกว่าให้ฟังเพลงภาษาอังกฤษนั้นมันมีเหตุผลครับ เหตุผลนั้นคือจิตวิทยาเรื่องความเชื่อมโยง ซึ่งถูกนำมาใช้กันแพร่หลายในวงการธุรกิจ นั่นก็คือ การโฆษณาโดยใช้ดารานางแบบนั่นเอง อธิบายได้ว่า เวลาเราสัมผัสอะไรที่เราชอบที่อยู่คู่กับอะไรบางอย่างที่เราไม่รู้จัก สิ่งที่เราชอบนั้นมันจะทำให้ของอีกสิ่งนั้นดูดีขึ้นมาพร้อมกัน นั่นเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมทุกคนรู้จักก๊อกน้ำซัลวา หรือ อินเตอร์เน็ต 3BB และการที่เราฟังเพลงภาษาอังกฤษมันก็ให้ผลแบบเดียวกันครับ คือ เพลงภาษาอังกฤษที่ไพเราะจtทำให้เราค่อยๆรู้สึกดีขึ้นกับภาษาอังกฤษ และทำให้เราซึมซับภาษาอังกฤษไปโดยไม่รู้ตัว ส่วนใครๆที่มีอคติกับเพลงภาษาอังกฤษ ผมแนะนำว่า ให้แทรกเพลงเพราะๆ เก่าๆ ที่ดังๆ(ผมเดี๋ยวจะทำลิสต์เพลงพวกนี้ไว้ให้ไว้ให้)ของฝรั่งไว้ ในลิสต์เพลงโปรดของคุณ แทรกเข้าไปแค่ 10-20 % ก็พอ เรื่องนี้มีงานวิจัยโดยตรงเลยทีเดียว เขาระบุว่า เราไม่สามารถเปลี่ยนให้คนใดคนหนึ่งที่ชอบเพลงแนวหนึ่ง หันไปฟังเพลงอีกแนวหนึ่งได้ทันที แต่ถ้าเราค่อยให้เขาฟังเพลงอีกแนว เป็นสัดส่วนเล็กน้อยเมื่อเทียบกับเพลงแนวเก่าที่เขาฟัง ไม่นาน เขาก็จะชอบเพลงแนวใหม่ไปเอง

3.วิธีดูหนัง
อ.วรภัทร์ ภู่เจริญเคยกล่าวไว้(บ่อย) ว่า “สุดยอดเรียน คือ ดูหนัง” ผมขอเพิ่มอีกหนึ่งเสียงว่าจริงครับ และผมจะบอกว่า การเปิด Subtitle ของคนไทยนั้นทำกันอย่างผิดๆ ทำให้เราไม่ได้เพิ่มพูนความรู้ทางภาษาเลย การเปิดSubtitle ปกติของคนไทยคือ เสียงอังกฤษ บรรยายไทย ใช่ไหมครับ? ถ้านั่นคุณดูเอาสนุก เอารู้เรื่อง เพื่อเพิ่มพูนความรู้เรื่องอื่น เช่นการวางกลยุทธ์ของหนัง หรืออะไรก็แล้วแต่ มันก็เป็นสิ่งที่ถูกแล้วครับ แต่ถ้าเราอยากจะเก่งภาษาอังกฤษ เราต้องเริ่มจากเสียงไทย บรรยายอังกฤษครับ มันมีข้อดีก็คือ
1. เรารู้เรื่องแน่นอนว่า ประโยคที่กำลังพูดนั้น เขาพูดว่าอะไร
2.คำบรรยายภาษาอังกฤษทำให้ เรารู้ว่า ประโยคที่เราได้ยินนั้น ภาษาอังกฤษ เขาพูดว่าอย่างไร
กลับกันครับถ้าเราเปิดเสียงอังกฤษบรรยายไทย นอกจากยากที่จะฟังรู้เรื่องแล้ว เรายังต้องตามอ่านบรรยายไทย จนไม่ได้ดูหนัง และทำให้ไม่รู้เรื่องนั่นเอง ซึ่งเราก็จะไม่ได้อะไรจากหนังเรื่องนั้นเลย (แต่มันก็ดีถ้าคุณหัดอ่านเร็วอยู่) พอเราได้ยินคำไหนที่เราอยากรู้ว่าภาษาอังกฤษมันพูดกันว่าอย่างไร เราก็แค่อ่านข้างล่างครับ ไม่จำเป็นต้องรู้ศัพท์ทุกคำ แค่ลองอ่านดู ถ้าชอบก็จดหรือจำไว้ แรกๆเราก็จะไม่ชินหรอกครับ แต่รับรองว่าถ้าคุณทำแบบนี้ บวกกับข้ออื่นๆที่ผมบอก มันจะทำให้คุณเก่งภาษาอังกฤษได้แน่ๆ

4.อยากรู้หรอ? หาเป็นภาษาอังกฤษสิ!
ผมเรียนรู้เรื่องนี้ได้จากการเล่นเกมครับ เริ่มจากเมื่อสี่ปีก่อนตั้งแต่ผมได้เกรด 1.5 วิชาภาษาอังกฤษ(ม.4)อยู่ ผมเห็นเขาเล่นเกมที่เรียกว่า DotA กัน ซึ่งผมเองก็อยากเล่นบ้าง พอเข้าไปเล่นครั้งแรกก็แพ้เจ็บใจ แต่ธรรมชาติของคนเรามักจะไม่ยอมแพ้อยู่เรื่อยไปอยู่แล้ว ถ้าไม่เลิกเล่น ก็ต้องเล่นให้เก่ง ผมเลือกอย่างหลัง
ก็เลยหาอ่านทุกอย่างที่เกี่ยวกับเกมนี้ พออ่านภาษาไทยหมดก็ยังไม่พอใจ ไปตามอ่านเว็บบอร์ดภาษาอังกฤษต่อ เกมนี้มีตัวละครให้เราเลือกราวๆ 60-70 ตัว(ช่วงนั้น) และฝรั่งมันก็เขียนวิธีเล่นแต่ละตัว(ซึ่งแตกต่างกันมาก) ไว้ตัวละราวๆ 4-5หน้ากระดาษ A4 แรกๆผมเข้าไปอ่านก็มึนๆไปเลยทีเดียว แต่เพราะผมอยากเล่นเกมนี้ให้เก่งมากๆ ผมก็เลยไล่อ่านจนหมด ยังไม่รวมกระทู้ต่างๆ รวมถึงเว็บอื่นๆที่เขียนเกี่ยวกับเกมๆนี้ และการหาความรู้เรื่องแก้ปริศนาและเรื่องคอมพิวเตอร์ พอลองนึกดูแล้วก็เหมือนอ่านนิยายภาษาอังกฤษไปหลายสิบเล่ม เทคนิคที่จะทำให้คุณหาความรู้ได้เร็วขึ้นคือ อย่าเปิด Dictionary ทุกๆคำที่เราไม่เข้าใจครับ แต่ให้อ่านจนจบย่อหน้าก่อน ถ้าไม่เข้าใจจริงๆก็ค่อยเปิด และพยายามมุ่งความสนใจทีละเรื่อง เช่นคุณชอบเรื่องเกม คุณก็อ่านเรื่องเรื่องเกมให้หมดก่อน เพราะคำศัพท์ก็จะคล้ายๆกันหมด เช่น Imbalance Skill Leveling Picking Agility พอไปอ่านบทความอื่นที่เขียนเกี่ยวกับเรื่องเดียวกัน คุณก็จะค่อยๆเห็นคำศัพท์นั้นบ่อยขึ้น และจำได้โดยธรรมชาติทั้งๆที่เปิดDictionaryแค่ครั้งเดียว

5. เล่นเกมซะ!! (ความคิดเห็นส่วนตัว)
ในที่นี้ไม่ได้หมายความว่าให้เล่นหัวปักหัวปำ ไม่สนใจอะไรนะครับ การเล่นในขนาดพอเหมาะจะทำให้คุณมีไหวพริบเฉียบขาด ตัดสินใจกระทันหันได้ดี รู้จักการวางแผน แก้สถานการณ์ การควบคุมตัวเอง และไม่ยอมแพ้ และยังทำให้คุณอ่านใจคนได้เก่งขึ้นด้วย (ในที่นี้หมายถึงเกม DotA หรือ HoN ) แถมยังทำให้คุณรู้หลายๆเรื่องเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ และเกมหลายๆเกมก็ทำให้เราเก่งเรื่องภาษาอังกฤษขึ้นมากมายก่ายกอง ผมขอเน้นเลยคือ DragonAge : Origin และ Mass effect ทั้งสองภาค (เกมของBioware ทั้งนั้น) ซึ่งมีเนื้อเรื่องชวนติดตาม ความลุ่มลึกของเกม ที่ทำให้คุณหาความรู้และพยายามแกะเนื้อเรื่องอยู่ไม่หยุด ผมจะบอกตรงนี้ว่า ถ้าคุณมีอคติกับเกม คุณก็พลาดสื่อการเรียนรู้ที่ดีที่สุดอย่างหนึ่งในโลกไปเลยล่ะ (ถาม อ.วรภัทร์ ดูก็ได้) ทุกๆอย่างมีข้อดีทั้งหมดแหละครับ มันขึ้นอยู่กับว่าคุณจะเรียนรู้อะไรจากมัน
ทิปส์เพิ่มเติม
1. ถ้าใครเริ่มฟังเพลงภาษาอังกฤษบ่อยขึ้นจนชินหูแล้ว ให้เริ่มมองหาคำพื้นฐานต่างๆในเพลงครับ เช่นคำว่า I you  this when what who and every ซึ่งคำเหล่านี้มักจะเป็นคำขึ้นต้นประโยค และฟังได้ง่าย และค่อยๆมองหาส่วนประกอบของประโยค คือ ประธาน กิริยา กรรม และส่วนขยาย ความรู้จากการอ่านจะทำให้คุณรู้ความหมาย และแยกแยะได้
2. เมื่อดูหนังแบบ เสียงไทย บรรยายอังกฤษ จนคล่องแล้ว ให้เปลี่ยนเป็น เสียงอังกฤษ บรรยายอังกฤษ ซึ่งจะทำให้คุณเพิ่มพูนความรู้ด้านการฟังและการอ่านเขียนไปพร้อมๆกัน
3.มีเพื่อนฝรั่ง การมีเพื่อนฝรั่งจะทำให้คุณ อยาก พูดกับเขารู้เรื่อง จากนั้นมันจะทำให้คุณค่อยๆหาประโยคไปคุยกับเขาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทำให้คุณเก่งแกรมม่า และการพูดด้วย
zSty!e
No related posts.

No comments:

Post a Comment