Home page

Wednesday 21 December 2011

ชิมผลไม้หลายหลายฤดูแห่งญี่ปุ่นจร้า

คนญี่ปุ่น สามารถสัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลง ของฤดูกาลต่างๆ ผ่านดอกไม้ที่เบ่งบาน และผลไม้ที่ออกผล ในแต่ละช่วงเวลามาตั้งแต่สมัยโบราณ และเนื่องจากญี่ปุ่นมีถึง 4 ฤดู จึงทำให้พืชผลต่างๆ มีความหลากหลาย และทุกๆปีดอกไม้และผลไม้ จะออกดอกออกผล ในช่วงฤดูกาลของมันเช่นเดิมไม่เปลี่ยนแปลง การเพลิดเพลินกับพันธุ์ไม้ และผลไม้ที่แตกต่างกันไปในแต่ละฤดูนั้น ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตชาวญี่ปุ่น และตลอดทั่วทั้งประเทศญี่ปุ่น จะมีสวนผลไม้ที่นักท่องเที่ยว สามารถไปชิมผลไม้ได้อย่างไม่จำกัด ด้วยค่าใช้จ่ายที่ไม่แพง ผลไม้หลายชนิดของญี่ปุ่น ได้ชื่อว่ามีรสชาติที่อร่อยกว่าที่ไหนๆ ต่อไปนี้เป็นบางส่วนของรายชื่อสวนเก็บผลไม้ ที่มีชื่อเสียงที่อยากแนะนำ 



สตรอเบอรี่ ว่ากันว่า คนไทยที่ได้ชิม สตรอเบอรี่แสนอร่อยของญี่ปุ่น เป็นครั้งแรกร้อยทั้งร้อย จะต้องตกใจในรสหวาน สตรอเบอรี่ลูกใหญ่ ส่วนมาก จะปลูกอยู่ในโรงเรือนพลาสติก ซึ่งท่านสามารถเพลิดเพลิน กับการเด็ดสตรอเบอรี่สด จากต้นมาทานได้ทั่วประเทศญี่ปุ่น และเนื่องจาก ช่วงเก็บเกี่ยวผลผลิตสตรอเบอรี่นั้น ค่อนข้างยาว ดังนั้น ไม่ว่าท่านจะเดินทางไปญี่ปุ่นช่วงใดก็ตาม ก็สามารถหาโอกาสไปเด็ด สตรอเบอรี่สด มาทานได้เกือบตลอดทั้งปีทั่วประเทศญี่ปุ่น และที่ไม่ไกลจากโตเกียวได้แก่ จังหวัดจิบะ และจังหวัดชิซุโอะกะ ฤดูกาลที่เปิดให้เก็บสตรอเบอรี่ได้ ส่วนใหญ่เปิดบริการช่วงเดือน ม.ค.-พ.ค. บางแห่งเปิดสวนตั้งแต่เดือน พ.ย. และบางแห่งก็เปิดให้เก็บได้จนถึงเดือน มิ.ย. แม้ว่าจะอยู่ในช่วงฤดูเก็บสตรอเบอรี่ก็ตาม แต่บางครั้งหากมีผู้คนเดินทางไปกันมากๆ สตรอเบอรี่อาจมีไม่พอเพียงได้ เพื่อไม่ให้ไปเสียเที่ยว จึงควรโทรไปสอบถามที่สวนล่วงหน้า จังหวัดที่ปลูกมากที่สุดในญี่ปุ่น 3 อันดับแรก อันดับที่ 1 จังหวัดโทะจิงิ อันดับที่ 2 จังหวัดฟุกุโอะกะ อันดับที่ 3 จังหวัดซะงะราคา เด็ดสตรอเบอรี่ทานได้ตามสบาย ภายในเวลา 30 นาที โดยทั่วไปตกประมาณคนละ 1000-1500 เยน หากนำกลับบ้านด้วย จะต้องชำระเงินเพิ่ม 


เชอรี่ เชอรี่เป็นผลไม้ลูกเล็กดูน่ารัก รสชาติของเชอรี่ญี่ปุ่นนั้นยอดเยี่ยมมาก แม้เชอรี่จะเป็นผลไม้ราคาแพง แต่ก็มีสวนหลายแห่ง ที่เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าไปเก็บเชอรี่ทานได้ ฤดูเก็บเชอรี่นั้นสั้นมากเพียงแค่ 1 เดือนเท่านั้น หากท่านมีโอกาส เดินทางไปประเทศญี่ปุ่น อยากแนะนำให้ท่านลองทานดู ลักษณะเด่นของเชอรี่ที่อร่อย คือ ต้องมีสีแดง เนื่องจากผลเชอรี่นั้นเก็บได้ไม่นานนัก หากจะนำกลับไปเป็นของฝาก ขอแนะนำให้เลือกซื้อสินค้าที่แปรรูปแล้วอย่างแยม หรือเหล้าจะดีกว่า สวนที่เปิดให้คนทั่วไปเข้าไปเก็บเชอรี่ จังหวัดที่มีสวนเชอรี่ดังๆ ที่เปิดให้เข้าไปเก็บทานได้ ได้แก่ จังหวัดยะมะงะตะส่วนจังหวัดที่อยู่รอบๆ กรุงโตเกียวก็เช่น จังหวัดกุมมะ และจังหวัดยะมะนะชิ ฤดูกาลที่เปิดให้เก็บเชอรี่ได้คือ เดือน มิ.ย. - เดือน ก.ค. (ประมาณ 1 เดือน) จังหวัดที่ปลูกเชอรี่มากที่สุด ในญี่ปุ่น 3 อันดับแรก อันดับ 1 จังหวัดยะมะงะตะ อันดับ 2 จังหวัดอะโอะโมะริ อันดับ 3 จังหวัดยะมะนะชิ ราคาเก็บทานได้อย่างอิสระภายในเวลา 30 นาที - 1 ชม. ส่วนใหญ่ราคาอยู่ราวๆ 1500-2000 เยน หากนำกลับบ้านจะต้องชำระเงินเพิ่ม 


ท้อ ท้อเป็นผลไม้ที่คนไทยหาทานไม่ได้ง่ายนัก เพราะไม่มีปลูกในเมืองไทย เนื่องจากเป็นผลไม้ที่เก็บไม่ได้นาน และช่วงเวลาเก็บเกี่ยวก็มีเพียงเดือนเดียวเท่านั้น ลูกท้อจึงเป็นผลไม้ราคาแพง บนผิวของลูกท้อจะมีขนขนาดเล็กๆ ปกคลุม และมีรูปร่างคล้ายก้นของคน ลูกท้อที่คนญี่ปุ่นนิยมทานทั่วไปเป็น พันธุ์ฮาคุโต ซึ่งมีเนื้อนิ่ม รสหวานหอม เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวชาวจีน และไต้หวันเป็นอย่างมาก สวนที่เปิดให้คนทั่วไปเข้าไปเก็บท้อส่วนใหญ่ อยู่ทางตอนเหนือห่างจากกรุงโตเกียว ที่อยู่ใกล้กรุงโตเกียวก็มี จังหวัดยะมะนะชิ ฤดูกาลที่เปิดให้เก็บท้อได้ เดือน ก.ค. - เดือน ส.ค. จังหวัดที่ปลูกท้อมากที่สุดในญี่ปุ่น 3 อันดับแรก อันดับ 1 จังหวัดยะมะนะชิ อันดับ 2 จังหวัดฟุกุชิมะ อันดับ 3 จังหวัดนะงะโนะ ราคา เด็ดทานได้อย่างอิสระ ในราคาประมาณ 1500 เยน หากนำกลับบ้านด้วยจะต้องชำระเงินเพิ่ม 


องุ่น องุ่นของญี่ปุ่นมีรสหวานฉ่ำ รับรองว่าทานแล้วหยุดไม่ได้ องุ่นมีอยู่มากมายหลายพันธุ์ รสชาติและขนาดก็แตกต่างกันไป พันธุ์ที่คนญี่ปุ่นชื่นชอบมากที่สุดคือ พันธุ์เคียวโฮ ซึ่งเป็นองุ่นสีดำลูกใหญ่ ส่วนองุ่นพันธุ์เดลาแวร์ ซึ่งเป็นองุ่นลูกเล็ก ไม่มีเมล็ดนั้น ก็เป็นที่ชื่นชอบของเด็กๆ นอกจากนี้ ยังมีองุ่นพันธุ์อื่นๆ อีกมากมาย สวนที่เปิดให้คนทั่วไปเข้าไปเก็บองุ่น ส่วนใหญ่อยู่รอบๆ กรุงโตเกียว และแถบโทโฮคุ ที่อยู่รอบกรุงโตเกียวได้แก่ จังหวัดยะมะนะชิ และ จังหวัดไอจิ ซึ่งอยู่ห่างจาก นาโงย่า ราว 1 ชม. นอกจากนี้ ท้องถิ่นต่างๆ ทั่วญี่ปุ่นไม่ว่าจะเป็นแถบคิวชู หรือ ฮอกไกโด ก็มีสวนองุ่นเช่นกัน ฤดูกาลที่เปิดให้เก็บองุ่นได้ ราวๆเดือน ก.ค. - ต.ค. แตกต่างกันไปตามสายพันธุ์ จังหวัดที่ปลูกองุ่นมากที่สุดในญี่ปุ่น 3 อันดับแรก อันดับที่ 1 จังหวัดยะมะนะชิ อันดับที่ 2 จังหวัดนะงะโนะ อันดับที่ 3จังหวัดยะมะงะตะ ราคาส่วนใหญ่จะไม่จำกัดเวลาในการเก็บ ราคาประมาณคนละ 1500 เยน หากนำกลับบ้าน จะต้องชำระเงินเพิ่ม แต่ก็มีบางสวนที่แถมองุ่นเป็นของฝากกลับบ้านด้วย 


สาลี่ เมื่อฤดูร้อนหมดลง จะเข้าสู่ฤดูเก็บเกี่ยวสาลี่ สาลี่ญี่ปุ่น ผลจะใหญ่ รสชาติชุ่มฉ่ำ มีมากมายหลายพันธุ์ แต่ที่มีชื่อมากๆ ได้แก่ พันธุ์ "นิจุสเซกิ" และ 'โฮซุยุ" ต้นสาลี่มีความสูงไม่มากนัก แค่เพียงประมาณ 1.5 เมตร ทำให้เด็ดลูกได้ง่าย เนื่องจาก เป็นผลไม้ที่ทานไม่ได้มาก จึงควรสอบถามเจ้าของสวนดูก่อนว่าสาลี่ชนิดใดอร่อยที่สุด แล้วจึงเด็ดทานเฉพาะลูกที่อร่อยและ สุกเต็มที่แล้ว สวนสาลี่นั้นมีอยู่ทั่วประเทศ โดยเฉพาะรอบกรุงโตเกียว จะมีมากเป็นพิเศษ ไม่ว่าจะเป็น จังหวัดนะงะโนะ จังหวัดจิบะและ จังหวัดโทะจิงิ เป็นต้น ฤดูกาลที่เปิดให้เก็บสาลี่ได้ ประมาณปลายเดือน ส.ค. - เดือน ต.ค. จังหวัดที่ปลูกสาลี่มากที่สุดในญี่ปุ่น 3 อันดับแรก อันดับ 1 จังหวัดจิบะ อันดับ 2 จังหวัดอิบะระกิ อันดับ 3 จังหวัดทตโตะริ ราคาส่วนใหญ่ประมาณ 500 เยน และสามารถนำสาลี่กลับไปเป็นของฝากได้ 2-3 ลูก 


แอปเปิ้ล นักท่องเที่ยว มักจะเดินทางไปเก็บแอปเปิ้ลกันที่แถบโทโฮคุ และจังหวัดนะงะโนะ กุมมะโทะจิงิ ว่ากันว่า แอปเปิ้ลแดงนั้น ดีต่อสุขภาพ หากทานวันละ 1 ผล ร่างกายจะแข็งแรงห่างไกลโรคภัยไข้เจ็บ ทั้งยังดีต่อผู้ที่เป็นโรคความดันโลหิตสูง ช่วยให้ร่างกายผ่อนคลายหายเหนื่อย และช่วยปรับระบบย่อยอาหารให้ทำงานดีขึ้น แอปเปิ้ลมีมากมายหลายพันธุ์ แต่ที่ได้รับความนิยมมากได้แก่ พันธุ์ "ฟูจิ" "ทสึงารุ" และ "โอริน" ต้นแอปเปิ้ลบางพันธุ์ไม่สูงมากนัก แม้แต่เด็กก็เด็ดได้ แต่บางพันธุ์ ต้นก็สูงมาก ขนาดต้องใช้บันไดเพื่อปีนขึ้นไปเด็ด สวนที่เปิดให้คนทั่วไปเข้าไปเก็บแอปเปิ้ล ส่วนใหญ่อยู่แถบโทโฮคุ หากเป็นรอบๆ กรุงโตเกียวก็มี จังหวัดโทะจิงิ และจังหวัดนะงะโนะ ฤดูกาลที่เปิดให้เก็บแอปเปิ้ลได้ประมาณ เดือน ก.ย. - ต้นเดือน ธ.ค. จังหวัดที่ปลูกแอปเปิ้ลมากที่สุดในญี่ปุ่น 3 อันดับแรก อันดับ 1 จังหวัดอะโอะโมะริ อันดับ 2 จังหวัดนะงะโนะ อันดับ 3 จังหวัดอิวะเตะ ราคาประมาณ 500 เยน โดยสามารถลองชิมก่อนได้ หากนำกลับบ้านจะต้องชำระเงินเพิ่ม 


อันซึ ดอกอันซึ จะมีลักษณะคล้ายๆ กับดอกซากุระ จะบานช่วงเดือนเมษายน สามารถไปชมดอกอันซึได้ที่ จังหวัดนะงะโนะ อันซึจะออกผลประมาณ ปลายมิถุนายนถึง กลางเดือนกรกฏาคม ผลของมันมีลักษณะคล้ายลูกท้อ แต่มีขนาดเล็กกว่ามาก มีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 4 เซนติเมตร มีสีเหลืองอมแดง วางขายตามซุปเปอร์ทั่วไป แต่คนญี่ปุ่นไม่ค่อยนิยมกินผลสดๆ ของมัน เพราะจะมีรสออกเปรี้ยว มักจะเอาไปตากแห้ง เพราะมันจะมีความหวานมากกว่าตอนที่เป็นผลสดๆ นอกจากนี้ ยังเอาไปทำแยม ทำน้ำผลไม้ และดองเป็นเหล้าด้วย สามารถไปเก็บกินอันซึได้ที่ไร่อันซึในจังหวัดนะงะโนะ และยังมีบริการสอนทำแยมจากอันซึที่เก็บได้อีกด้วย 


บิวะ มีมากในช่วง เดือนพฤษภาคมถึงเดือนกรกฏาคม รูปร่างและรสชาติของบิวะ คล้ายๆมะปรางของบ้านเรา วิธีรับประทานคือ ใช้มือปอกจากด้านท้าย มาด้านหัวเปลือก จะลอกออกได้โดยง่าย หลังจากปอกเปลือกแล้ว ควรทานทันที มิฉะนั้น ผลจะเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลไม่น่าทาน ไม่นิยมนำบิวะไปแช่ตู้เย็นนานๆ เพราะจะทำให้เนื้อช้ำ หากต้องการทานแบบเย็นๆ ให้นำไปแช่ก่อนทานสองชั่วโมง ผลิตภัณฑ์ที่ทำจากบิวะ มีบิวะกระป๋อง แยม นอกจากนี้ยังนิยมทำเป็นผลไม้ดองอีกด้วย 


เกาลัด ผลไม้ในฤดูใบไม้ร่วง เดือนกันยายนถึงเดือนพฤศจิกายน จะออกผลตอนช่วงวันไหว้พระจันทร์ นำมาต้มในน้ำเดือด ประมาณสามสิบนาที จนเนื้อข้างในนิ่ม หั่นครึ่งใช้ช้อนคว้านเนื้อกิน บางคนนิยมเอาไปทำเป็นข้าวอบเกาลัด ขนมญี่ปุ่น ที่กินกับชาเขียว บางชนิดก็ทำจากเกาลัด นอกจากนี้ ยังนำมาทำเค้กมองบลังค์ ซึ่งเป็นเค้กที่ได้รับความนิยมอย่างมาก ในหมู่คนญี่ปุ่น ในช่วงวันปีใหม่ของญี่ปุ่น จะมีประเพณีการกินอาหารปีใหม่ ซึ่งในจำนวนนี้มีอาหารที่เรียกว่า คุริคินทง เป็นอาหารที่ทำจากเกาลัดและเผือกอยู่ด้วย 


เมลอน มีมากในฤดูใบไม้ผลิ ตั้งแต่ เดือนเมษายนถึงต้นเดือนสิงหาคม มีหลายพันธุ์ ชนิดที่มีเนื้อสีส้ม สีเขียว และออกสีขาว หากยังไม่สุกควรทิ้งไว้ในอุณหภูมิห้องรอจนสุก มักนิยมนำมาแช่ให้เย็นก่อนรับประทานสองถึงสามชั่วโมง ไม่ควรแช่นานเกินไป เพราะจะทำให้ความหวานลดลง เมลอนที่ราคาแพง จะมีราคาถึงลูกละหมื่นบาททีเดียว แต่ที่ขายตามซูเปอร์มาร์เก็ต ก็อยู่ในราคาที่พอจะซื้อได้อยู่ คนญี่ปุ่นนิยมให้เมลอนเป็นของขวัญ

ส้ม มีมากในช่วง เดือนตุลาคมถึงเดือนกุมภาพันธุ์ ในช่วงฤดูหนาวของญี่ปุ่นจะมีผลไม้เพียงไม่กี่ชนิด ในจำนวนนี้ก็มีส้มอยู่ด้วย ส้มเป็นผลไม้ที่ขาดไม่ได้ในฤดูหนาว บางบ้านถึงกับซื้อเก็บไว้เป็นลัง เพราะราคาไม่แพง ส้มมีหลากหลายพันธุ์มาก รสชาติ และความหวานก็ต่างกันแล้วแต่ชนิดพันธุ์ บางพันธุ์ไม่มีเมล็ดเลย เปลือกบาง กินได้ไม่รู้จักเบื่อ อาจนำไปแช่ช่องฟรีซ เก็บไว้กินหน้าร้อนได้อีกด้วย ผลิตภัณฑ์ที่ทำจากส้ม มีส้มกระป๋อง น้ำส้ม เปลือกส้มสามารถนำไปตากแห้ง คั่วให้แห้งแล้วคลุกน้ำตาล ทำเป็นของกินยามว่างได้ เปลือกส้มถ้าล้างให้สะอาดแล้วใส่ถุง ยังสามารถนำไปใส่ไว้ในอ่างอาบน้ำ กลิ่นของมันทำให้คลายเครียดได้


ลูกพลับ เป็นผลไม้ที่มีมาก ในฤดูใบไม้ร่วง ตั้งแต่เดือนตุลาคม ถึงเดือนธันวาคม ลูกพลับญี่ปุ่นจะมีขนาดใหญ่กว่าที่ไทย และมีรสชาติหวานมากกว่าด้วย ตามซูเปอร์จะมีป้ายบอกถึงปริมาณความหวานของลูกพลับด้วย ลูกพลับแบ่งออกเป็นสองชนิดใหญ่ๆ คือลูกพลับที่มีรสหวาน และลูกพลับที่มีรสฝาด ชนิดที่มีรสฝาดนั้น หากนำไปตากแห้ง จะทำให้มีความหวานมากขึ้น อีกทั้งจะมีผลึกน้ำตาลสีขาวๆ เกาะอยู่รอบๆลูกพลับด้วย ในปัจจุบันได้คิดค้นลูกพลับพันธุ์ที่ไม่มีเมล็ดด้วย บางคนนิยมนำลูกพลับที่สุกมากๆ ไปแช่ช่องฟรีซ เพราะจะทำให้เนื้อลูกพลับมีลักษณะเป็นเกร็ดน้ำแข็ง คล้ายเชลเบ็ท หากใครที่ไปเที่ยวญี่ปุ่นในช่วงนี้ คงยากที่จะไม่ซื้อลูกพลับกลับมาเป็นของฝากแน่นอน


แตงโม มีมากเดือนมิถุนายนถึงเดือนสิงหาคม มีทั้งลูกขนาดกลางและขนาดใหญ่ จะแบ่งขายเป็นเสี้ยวบ้าง ครึ่งลูกบ้าง ห่อด้วยแร็ป แตงโมที่นี่มีรสหวานฉ่ำมาก มีน้ำเยอะ หากนำไปแช่ตู้เย็น แตงโมจะมีความหวานมากขึ้น    กินตอนฤดูร้อนจะช่วยให้คลายความร้อนได้มาก พอถึงฤดูร้อน จะมีผลิตภัณฑ์ที่ทำจากแตงโมมาวางขายด้วย เช่น ไอศครีมรสแตงโม เยลลี่รสแตงโม ลูกอม เป็นต้น ปัจจุบันมีแตงโมพันธุ์ใหม่ๆ ลักษณะแปลกๆ เกิดขึ้นมากเช่น แตงโมรูปทรงสี่เหลี่ยมลูกบาศก์ แตงโมขนาดยักษ์ เป็นต้น ที่ญี่ปุ่นมีการละเล่นปิดตาตีลูกแตงโมด้วย

No comments:

Post a Comment