Home page

Tuesday 27 December 2011

แบบทดสอบความรู้รอบตัว ชุดปะเทศไทย

ศูนย์สอบออนไลน์ (Online Quiz Center)
ศัพท์อังกฤษ (ศัพท์ยาก) - ความรู้ทั่วไป ชุดประเทศไทย - สังคมระดับมัธยมถึงปริญญา - ศัพท์อังกฤษ ระดับต้น
คอมพิวเตอร์เบื้องต้น - นักวิทยุสมัครเล่น - จังหวัด รหัสไปรษณีย์ - Visual Basic - JAVA - ทั่วไป.ศิริรุ่งสาวโยนก
แบบทดสอบความรู้รอบตัว ชุดประเทศไทย ในชุด 30 ข้อ
ปรับปรุง : 2553-11-25 (ปรับการแสดงผล)
    1. พระราชอุทยานสราญรมย์ อยู่จังหวัดใด [t0117]
      พระนครศรีอยุธยา ลพบุรี สระบุรี กรุงเทพฯ ผิดทุกตัวเลือก

    2. พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว คือรัชการที่เท่าใด [t0131]
      3 4 5 6 ผิดทุกตัวเลือก

    3. จังหวัดใดไม่อยู่ในภาคใต้ [t0145]
      ยะลา ศรีสะเกษ ระนอง ชุมพร ผิดทุกตัวเลือก

    4. แม่น้ำคีรีรัฐ มีอีกชื่อหนึ่งว่าอะไร [t0159]
      แม่น้ำพุมดวง แม่น้ำหลวง แม่น้ำเจ้าพระยา แม่น้ำเขาราช ผิดทุกตัวเลือก

    5. อุทยานแห่งชาติเขาพนมเบญจา อยู่จังหวัดใด [t0173]
      เชียงใหม่ ลำพูน กาญจนบุรี กระบี่ ผิดทุกตัวเลือก

    6. วันกองทัพไทย ตรงกับวันที่เท่าใด [t0187]
      25 มกราคม 2 กุมภาพันธ์ 16 มกราคม 2 เมษายน ผิดทุกตัวเลือก

    7. สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่เล็กที่สุดในโลก คืออะไร [t0011]
      ค้างคาวกิติ ปูกำจร ปลาทอง ลิงลพบุรี ผิดทุกตัวเลือก

    8. นางเอกหนังคนแรกของไทย คือใคร [t0025]
      เนาวรัตน์ ยุคตนัน เสงี่ยม นาวีเสถียร อมรทิพย์ ประยูรวงค์ พิศมัย วิไลศักดิ์ ผิดทุกตัวเลือก

    9. จังหวัดที่อยู่ใต้สุดคือจังหวัดอะไร [t0039]
      นราธิวาช กระบี่ ยะลา แม่ฮ่องสอน ผิดทุกตัวเลือก

    10. จังหวัดใดมี ฝนแปด แดดสี่ [t0053]
      ระนอง ระยอง แม่ฮ่องสอน กระบี่ ผิดทุกตัวเลือก

    11. งานบุญบั้งไฟที่ยิ่งใหญ่ มีที่จังหวัดใด [t0067]
      ยโสธร ลำปาง เชียงใหม่ ขอนแก่น ผิดทุกตัวเลือก

    12. แม่น้ำที่ไหลมาบรรจบกับแม่น้ำเจ้าพระยาที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา [t0081]
      แม่น้ำป่าสัก แม่น้ำท่าจีน แม่น้ำยม แม่น้ำวัง ผิดทุกตัวเลือก

    13. เขื่อนกิ่วลม สร้างกั้นแม่น้ำใด [t0095]
      แม่น้ำปิง แม่น้ำวัง แม่น้ำยม แม่น้ำน่าน ผิดทุกตัวเลือก

    14. วัดประจำรัชกาลที่ 3 คือวัดอะไร [t0109]
      วัดราชประดิษฐ์สถิตมหาสีมาราม วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม วัดราชโอรสาราม วัดญาณสังวราราม ผิดทุกตัวเลือก

    15. โอฆะบุรี คือจังหวัดอะไร [t0123]
      ลพบุรี ราชบุรี พิจิตร พิษณุโลก ผิดทุกตัวเลือก

    16. พรมแดนกั้นไทยกับประเทศพม่า สิ่งต่อไปนี้ไม่ได้กั้นอยู่ [t0137]
      ภูเขาแดนเมือง ภูเขาแดนลาว ภูเขาตะนาวศรี แม่น้ำเมย ผิดทุกตัวเลือก

    17. แม่น้ำน่าน มีต้นกำเนิดจากที่ใด [t0151]
      เทือกเขาผีปันน้ำ เทือกเขาแดนลาว ดอยขุนยวม ทิวเขาหลวงพระบาง ผิดทุกตัวเลือก

    18. อุทยานแห่งชาติภูกระดึง อยู่จังหวัดใด [t0165]
      ลำปาง เลย สกลนคร พิษณุโลก ผิดทุกตัวเลือก

    19. อุทยานแห่งชาติศรีสัชนาลัย อยู่จังหวัดใด [t0179]
      กำแพงเพชร สุโขทัย สุราษฏร์ธานี พัทลุง ผิดทุกตัวเลือก

    20. ต้นสักที่ใหญ่ที่สุดในโลกอยู่ที่จังหวัดอะไร [t0003]
      ลำปาง ยะลา อุตรดิตถ์ สุโขทัย ผิดทุกตัวเลือก

    21. เกาะของไทย ที่ใหญ่ที่สุดชื่อเกาะอะไร [t0017]
      เกาะพีพี เกาะช้าง เกาะภูเก็ต เกาะล้าน ผิดทุกตัวเลือก

    22. ธนาคารที่เก่าแก่ที่สุดของไทย คือธนาคารใด [t0031]
      ธนาคารกรุงไทย ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารไทยพาณิชย์ ธนาคารนครหลวงไทย ผิดทุกตัวเลือก

    23. พระสมุทรเจดีย์ อยู่ที่ใด [t0045]
      สมุทรสงคราม สมุทรสาคร อยุธยา สมุทรปราการ ผิดทุกตัวเลือก

    24. เมืองโปงลางคือจังหวัดใด [t0059]
      กาฬสินธุ์ ตาก เลย ขอนแก่น ผิดทุกตัวเลือก

    25. อุทยานแห่งชาติที่อยู่สูงที่สุดของไทย คือที่ใด [t0073]
      ภูกระดึง จังหวัดเลย ดอยสุเทพ จังหวัดเชียงใหม่ ดอยขุนตาล จังหวัดลำพูน ม่อนพระยาแช่ จังหวัดลำปาง ผิดทุกตัวเลือก

    26. เขื่อนศรีนครินทร์ มีชื่ออีกชื่อหนึ่งว่าอะไร [t0087]
      เขื่อนยันฮี เชื่อนผาซ่อม เขื่อนเจ้าเณร เขื่อนลำโดมน้อย ผิดทุกตัวเลือก

    27. บิดาแห่งกองทัพเรือ ของไทยคือใคร [t0101]
      กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ กรมพระยาดำรง ราชานุภาพ กรมหลวงสงขลานครินทร์ กรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์ ผิดทุกตัวเลือก

    28. พระที่นั่งเวหาศจำรูณ อยู่จังหวัดใด [t0115]
      พระนครศรีอยุธยา ยะลา เชียงใหม่ แม่ฮองสอน ผิดทุกตัวเลือก

    29. พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว คือรัชการที่เท่าใด [t0129]
      1 2 3 4 ผิดทุกตัวเลือก

    30. จังหวัดใดไม่อยู่ในภาคเหนือ [t0143]
      ลำปาง อุตรดิตถ์ ระนอง น่าน ผิดทุกตัวเลือก

Thailand Web Stat www.Stats.in.th

[How to]วิธีเก่งภาษาอังกฤษโดยธรรมชาติ

“Knowledge is power.” - Sir Francis Bacon
ภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่จำเป็นมากๆเลยนะครับสำหรับคนที่ต้องการความก้าวหน้าในชีวิต ต้องการงานดีๆในบริษัทดีๆ ใช้สำหรับติดต่อกับชาวต่างชาติได้เกือบครึ่งโลก และความรู้ทั้งหลายในโลก 90% เป็นภาษาอังกฤษนะครับ และความรู้ทั้งหลายก็กองอยู่บนอินเตอร์เน็ตให้เราอ่านเป็นล้านๆชาติก็ไม่หมด  แล้วภาษาอังกฤษมันก็ใช้หาเงินได้ดีด้วย เช่น ใช้ในการติวหนังสือ หรือเป็นไกด์ทัวร์(อาชีพในฝัน ของหลายๆคน) ผมเองเป็นคนที่เกลียดเรื่องวิชาการที่อยู่ในหนังสือเรียoมากๆ แต่นอกจากนั้น ผมอ่านหมดทั้งวิชาการและไม่วิชาการ เรื่องต่างๆที่ผมเอามาเขียนในเว็บนี้ส่วนมากก็จะเอามาจากเว็บต่างประเทศ เวลาผมอยากรู้อะไรก็จะหาเป็นภาษาอังกฤษ เข้าไปอ่านในเว็บบอร์ดฝรั่ง เพราะมันมีคนเขียนถึงมากกว่า ยิ่งคนเขียนถึงมาก เรายิ่งได้ข้อมูลมากขึ้น แต่ผมว่าหลายๆคนคงเกลียดการเรียนภาษาอังกฤษเข้าใส้เลยทีเดียว แต่ลองทำตามผมดู รับรองว่าไม่นานจะฟังพูดอ่านเขียนภาษาอังกฤษได้ดีขึ้นมากๆ ทั้งๆที่ไม่ได้อ่านหนังสือแกรมม่าหรือท่องศัพท์เลย และผมเชื่อว่าวิธีนี้ได้ผล เพราะเพื่อนๆของผมเองที่ทำตามวิธีข้างล่างโดยไม่รู้ตัว ก็ได้ A วิชาภาษาอังกฤษมาอย่างง่ายดายเหมือนกัน
1.เปลี่ยนทัศนคติ
ทัศนคติเป็นสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับ “ทุกๆเรื่องในชีวิต” นะครับ ถ้าสมมติว่าคุณว่ายน้ำไม่เป็น แล้วมีคนบอกคุณว่าน้ำบ่อนี้ลึกมาก และผลักคุณลงไป และคุณยังยึดคติที่ว่าน้ำลึก คุณก็อาจพยายามว่าน้ำจนจมน้ำไป ทั้งๆที่ไม่ลองหยั่งดูเลยว่าน้ำมันลึกจริงๆหรือเปล่า สำหรับเรื่องการเรียนภาษาก็เหมือนกันครับ หลายๆคนแค่เห็นตัวอักษรก็เมินหน้าหนีแล้ว ไม่คิดจะอ่านมันหรอก แม้ว่าคำนั้นอาจจะเขียนว่า Don’t! หรือ Watch Out! ก็ตาม เชื่อผมเถอะครับ ถ้าคุณได้อ่านบทความนี้แสดงว่าคุณเองก็อยากจะเก่งภาษาอังกฤษเหมือนกัน ขั้นแรกที่คุณ ต้องทำเลยก็คือ ปลดปล่อยอคติ และมีทัศนคติที่ดีกับภาษาอังกฤษ วิธีที่ผมใช้ในการสร้างแรงบันดาลใจในทำอะไรบางอย่างที่ผมรู้สึกว่าผมไม่อยากทำ นั่นก็คือหาสมุดเล่มหนึ่ง และเขียนลงไปถึงสิ่งดีๆที่จะเกิดขึ้นหลังจากคุณทำสิ่งๆนี้แล้ว แล้วก็เปิดอ่านบ่อยๆ หรือ ติดไว้ที่ประตู

2.เริ่มจากฟังเพลง
“ชนใดไม่มีดนตรีกาล ในสันดานเป็นคนชอบกลนัก” คำกลอนนี้บ่งบอกถึงธรรมชาติของมนุษย์ได้อย่างดีทีเดียว มีใครที่ไหนบ้างที่ไม่ชอบดนตรี? การฟังเพลงภาษาอังกฤษในที่นี้ไม่ได้หมายถึง จะให้คุณเข้าใจทุกๆคำ เพราะมันแทบจะเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว ผมเชื่อว่าทุกๆคนคงจะเคยได้ยินเพลงๆหนึ่ง ตั้งหลายครั้งโดยไม่ได้ตั้งใจ แต่พอนึกดูดีๆ ดันไม่รู้เลยว่าเพลงมันพูดถึงอะไรกันแน่ เพลงภาษาอังกฤษก็เหมือนกันครับ เราไม่ได้ฟังเพื่อเนื้อหาขนาดนั้น แต่ที่ผมบอกว่าให้ฟังเพลงภาษาอังกฤษนั้นมันมีเหตุผลครับ เหตุผลนั้นคือจิตวิทยาเรื่องความเชื่อมโยง ซึ่งถูกนำมาใช้กันแพร่หลายในวงการธุรกิจ นั่นก็คือ การโฆษณาโดยใช้ดารานางแบบนั่นเอง อธิบายได้ว่า เวลาเราสัมผัสอะไรที่เราชอบที่อยู่คู่กับอะไรบางอย่างที่เราไม่รู้จัก สิ่งที่เราชอบนั้นมันจะทำให้ของอีกสิ่งนั้นดูดีขึ้นมาพร้อมกัน นั่นเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมทุกคนรู้จักก๊อกน้ำซัลวา หรือ อินเตอร์เน็ต 3BB และการที่เราฟังเพลงภาษาอังกฤษมันก็ให้ผลแบบเดียวกันครับ คือ เพลงภาษาอังกฤษที่ไพเราะจtทำให้เราค่อยๆรู้สึกดีขึ้นกับภาษาอังกฤษ และทำให้เราซึมซับภาษาอังกฤษไปโดยไม่รู้ตัว ส่วนใครๆที่มีอคติกับเพลงภาษาอังกฤษ ผมแนะนำว่า ให้แทรกเพลงเพราะๆ เก่าๆ ที่ดังๆ(ผมเดี๋ยวจะทำลิสต์เพลงพวกนี้ไว้ให้ไว้ให้)ของฝรั่งไว้ ในลิสต์เพลงโปรดของคุณ แทรกเข้าไปแค่ 10-20 % ก็พอ เรื่องนี้มีงานวิจัยโดยตรงเลยทีเดียว เขาระบุว่า เราไม่สามารถเปลี่ยนให้คนใดคนหนึ่งที่ชอบเพลงแนวหนึ่ง หันไปฟังเพลงอีกแนวหนึ่งได้ทันที แต่ถ้าเราค่อยให้เขาฟังเพลงอีกแนว เป็นสัดส่วนเล็กน้อยเมื่อเทียบกับเพลงแนวเก่าที่เขาฟัง ไม่นาน เขาก็จะชอบเพลงแนวใหม่ไปเอง

3.วิธีดูหนัง
อ.วรภัทร์ ภู่เจริญเคยกล่าวไว้(บ่อย) ว่า “สุดยอดเรียน คือ ดูหนัง” ผมขอเพิ่มอีกหนึ่งเสียงว่าจริงครับ และผมจะบอกว่า การเปิด Subtitle ของคนไทยนั้นทำกันอย่างผิดๆ ทำให้เราไม่ได้เพิ่มพูนความรู้ทางภาษาเลย การเปิดSubtitle ปกติของคนไทยคือ เสียงอังกฤษ บรรยายไทย ใช่ไหมครับ? ถ้านั่นคุณดูเอาสนุก เอารู้เรื่อง เพื่อเพิ่มพูนความรู้เรื่องอื่น เช่นการวางกลยุทธ์ของหนัง หรืออะไรก็แล้วแต่ มันก็เป็นสิ่งที่ถูกแล้วครับ แต่ถ้าเราอยากจะเก่งภาษาอังกฤษ เราต้องเริ่มจากเสียงไทย บรรยายอังกฤษครับ มันมีข้อดีก็คือ
1. เรารู้เรื่องแน่นอนว่า ประโยคที่กำลังพูดนั้น เขาพูดว่าอะไร
2.คำบรรยายภาษาอังกฤษทำให้ เรารู้ว่า ประโยคที่เราได้ยินนั้น ภาษาอังกฤษ เขาพูดว่าอย่างไร
กลับกันครับถ้าเราเปิดเสียงอังกฤษบรรยายไทย นอกจากยากที่จะฟังรู้เรื่องแล้ว เรายังต้องตามอ่านบรรยายไทย จนไม่ได้ดูหนัง และทำให้ไม่รู้เรื่องนั่นเอง ซึ่งเราก็จะไม่ได้อะไรจากหนังเรื่องนั้นเลย (แต่มันก็ดีถ้าคุณหัดอ่านเร็วอยู่) พอเราได้ยินคำไหนที่เราอยากรู้ว่าภาษาอังกฤษมันพูดกันว่าอย่างไร เราก็แค่อ่านข้างล่างครับ ไม่จำเป็นต้องรู้ศัพท์ทุกคำ แค่ลองอ่านดู ถ้าชอบก็จดหรือจำไว้ แรกๆเราก็จะไม่ชินหรอกครับ แต่รับรองว่าถ้าคุณทำแบบนี้ บวกกับข้ออื่นๆที่ผมบอก มันจะทำให้คุณเก่งภาษาอังกฤษได้แน่ๆ

4.อยากรู้หรอ? หาเป็นภาษาอังกฤษสิ!
ผมเรียนรู้เรื่องนี้ได้จากการเล่นเกมครับ เริ่มจากเมื่อสี่ปีก่อนตั้งแต่ผมได้เกรด 1.5 วิชาภาษาอังกฤษ(ม.4)อยู่ ผมเห็นเขาเล่นเกมที่เรียกว่า DotA กัน ซึ่งผมเองก็อยากเล่นบ้าง พอเข้าไปเล่นครั้งแรกก็แพ้เจ็บใจ แต่ธรรมชาติของคนเรามักจะไม่ยอมแพ้อยู่เรื่อยไปอยู่แล้ว ถ้าไม่เลิกเล่น ก็ต้องเล่นให้เก่ง ผมเลือกอย่างหลัง
ก็เลยหาอ่านทุกอย่างที่เกี่ยวกับเกมนี้ พออ่านภาษาไทยหมดก็ยังไม่พอใจ ไปตามอ่านเว็บบอร์ดภาษาอังกฤษต่อ เกมนี้มีตัวละครให้เราเลือกราวๆ 60-70 ตัว(ช่วงนั้น) และฝรั่งมันก็เขียนวิธีเล่นแต่ละตัว(ซึ่งแตกต่างกันมาก) ไว้ตัวละราวๆ 4-5หน้ากระดาษ A4 แรกๆผมเข้าไปอ่านก็มึนๆไปเลยทีเดียว แต่เพราะผมอยากเล่นเกมนี้ให้เก่งมากๆ ผมก็เลยไล่อ่านจนหมด ยังไม่รวมกระทู้ต่างๆ รวมถึงเว็บอื่นๆที่เขียนเกี่ยวกับเกมๆนี้ และการหาความรู้เรื่องแก้ปริศนาและเรื่องคอมพิวเตอร์ พอลองนึกดูแล้วก็เหมือนอ่านนิยายภาษาอังกฤษไปหลายสิบเล่ม เทคนิคที่จะทำให้คุณหาความรู้ได้เร็วขึ้นคือ อย่าเปิด Dictionary ทุกๆคำที่เราไม่เข้าใจครับ แต่ให้อ่านจนจบย่อหน้าก่อน ถ้าไม่เข้าใจจริงๆก็ค่อยเปิด และพยายามมุ่งความสนใจทีละเรื่อง เช่นคุณชอบเรื่องเกม คุณก็อ่านเรื่องเรื่องเกมให้หมดก่อน เพราะคำศัพท์ก็จะคล้ายๆกันหมด เช่น Imbalance Skill Leveling Picking Agility พอไปอ่านบทความอื่นที่เขียนเกี่ยวกับเรื่องเดียวกัน คุณก็จะค่อยๆเห็นคำศัพท์นั้นบ่อยขึ้น และจำได้โดยธรรมชาติทั้งๆที่เปิดDictionaryแค่ครั้งเดียว

5. เล่นเกมซะ!! (ความคิดเห็นส่วนตัว)
ในที่นี้ไม่ได้หมายความว่าให้เล่นหัวปักหัวปำ ไม่สนใจอะไรนะครับ การเล่นในขนาดพอเหมาะจะทำให้คุณมีไหวพริบเฉียบขาด ตัดสินใจกระทันหันได้ดี รู้จักการวางแผน แก้สถานการณ์ การควบคุมตัวเอง และไม่ยอมแพ้ และยังทำให้คุณอ่านใจคนได้เก่งขึ้นด้วย (ในที่นี้หมายถึงเกม DotA หรือ HoN ) แถมยังทำให้คุณรู้หลายๆเรื่องเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ และเกมหลายๆเกมก็ทำให้เราเก่งเรื่องภาษาอังกฤษขึ้นมากมายก่ายกอง ผมขอเน้นเลยคือ DragonAge : Origin และ Mass effect ทั้งสองภาค (เกมของBioware ทั้งนั้น) ซึ่งมีเนื้อเรื่องชวนติดตาม ความลุ่มลึกของเกม ที่ทำให้คุณหาความรู้และพยายามแกะเนื้อเรื่องอยู่ไม่หยุด ผมจะบอกตรงนี้ว่า ถ้าคุณมีอคติกับเกม คุณก็พลาดสื่อการเรียนรู้ที่ดีที่สุดอย่างหนึ่งในโลกไปเลยล่ะ (ถาม อ.วรภัทร์ ดูก็ได้) ทุกๆอย่างมีข้อดีทั้งหมดแหละครับ มันขึ้นอยู่กับว่าคุณจะเรียนรู้อะไรจากมัน
ทิปส์เพิ่มเติม
1. ถ้าใครเริ่มฟังเพลงภาษาอังกฤษบ่อยขึ้นจนชินหูแล้ว ให้เริ่มมองหาคำพื้นฐานต่างๆในเพลงครับ เช่นคำว่า I you  this when what who and every ซึ่งคำเหล่านี้มักจะเป็นคำขึ้นต้นประโยค และฟังได้ง่าย และค่อยๆมองหาส่วนประกอบของประโยค คือ ประธาน กิริยา กรรม และส่วนขยาย ความรู้จากการอ่านจะทำให้คุณรู้ความหมาย และแยกแยะได้
2. เมื่อดูหนังแบบ เสียงไทย บรรยายอังกฤษ จนคล่องแล้ว ให้เปลี่ยนเป็น เสียงอังกฤษ บรรยายอังกฤษ ซึ่งจะทำให้คุณเพิ่มพูนความรู้ด้านการฟังและการอ่านเขียนไปพร้อมๆกัน
3.มีเพื่อนฝรั่ง การมีเพื่อนฝรั่งจะทำให้คุณ อยาก พูดกับเขารู้เรื่อง จากนั้นมันจะทำให้คุณค่อยๆหาประโยคไปคุยกับเขาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทำให้คุณเก่งแกรมม่า และการพูดด้วย
zSty!e
No related posts.

WHEN AN *EMO* CALLS!

Saturday 24 December 2011

เคล็ดลับการเรียนพูดภาษาอังกฤษ

เคล็ดลับเรียนภาษาอังกฤษให้เก่ง


เคล็ดลับเรียนภาษาอังกฤษให้เก่งPDFPrintE-mail
Article Index
เคล็ดลับเรียนภาษาอังกฤษให้เก่ง
Page 2
  • ตรงต่อเวลา
  • เข้าเรียนสม่ำเสมอ
  • ให้ความเคารพ และฟังที่อาจารย์สอน
  • ให้ความเกรงใจและมีมารยาทที่ดีต่อเพื่อนร่วมห้อง
  • ทำความรู้จักและมีมนุษย์สัมพันธ์ที่ดีกับเพื่อนในห้อง
  • มีส่วนร่วมในการเรียน
  • อย่ากลัวที่จะพูดผิด การพูดผิดจะทำให้จำและนำไปพัฒนาให้ดีขึ้น
  • ไม่ผูกขาดการพูดจนเพื่อนร่วมห้องเบื่อ
  • มีสมุดสำหรับจดคำศัพท์ เรื่องราวที่น่าสนใจ
  • เรียนรู้คำศัพท์ใหม่ๆ แล้วจดลงสมุดบันทึก
  • ทำการบ้านตามที่อาจารย์สั่ง
  • หาเวลาฝึกฝนใช้ภาษาอังกฤษนอกห้องเรียน
  • ยืมหรือหาหนังสือ สื่อ มาศึกษาเพิ่มเติม
  • นำสิ่งที่ได้เรียนรู้มาฝึกใช้งาน
  • พูดภาษาอังกฤษระหว่างเรียน
 

Thursday 22 December 2011

Jingle Bells Christmas Song

นิทานก่อนนอนนะค่ะ

ปัญหาการใช้ภาษาอังกฤษ

 ปัญหาที่พบมากที่สุด ในการเรียนภาษาอังกฤษ
 

 Collocation : ต้นเหตุสำคัญที่ทำให้คนไทย เขียนและพูดภาษาอังกฤษไม่ได้มาตรฐาน
 
 พวกเราเขียนและพูดภาษาอังกฤษไม่ค่อยได้ เพราะว่าเราถูกสอนอยู่เพียง 2 ส่วนคือ คำศัพท์ (Vocabulary) และ ไวยากรณ์ (Grammar) แต่ในความเป็นจริง คือ คำศัพท์ในภาษาอังกฤษส่วนใหญ่จะถูกใช้เป็นกลุ่มคำ ไม่ใช่นำคำศัพท์แต่ละคำมาเรียงต่อกันเป็นประโยคเหมือนภาษาไทย
ยกตัวอย่างเช่น
"ฉันไปโรงเรียน"ฝรั่งใช้ I go to school.ไม่ใช่  I (ฉัน) go (ไป) school (โรงเรียน)
แต่ "ฉันกลับบ้าน"ฝรั่งใช้ I go home.ไม่ใช่ I go to home.
สุขสันต์วันเกิดแด่เธอHappy birthday to you.ไม่ใช่ Happy birthday for ( แด่ สำหรับ) you.
เขาผ่านไปฝรั่งใช้ He passed by.ไม่ใช่ He passed(ผ่าน) away (จากไป)
เพราะ "pass away" แปลว่า ล่วงลับ ตาย
เรามักใช้คำภาษาอังกฤษ แปลเป็นไทยตรงๆ จึงทำให้ฝรั่งไม่เข้าใจ
จากประสบการณ์ การทำงานแปลและเขียนภาษาอังกฤษ มาเป็นเวลานานกว่า 50ปี คุณวงศ์ วรรธนพิเชฐ ผู้เรียบเรียง พจนานุกรม English By Example มีความเห็นว่า ประโยคภาษาอังกฤษไม่ใช่มีเพียงแค่
ประธาน (Subject)
+
กริยา (Verb)
+
กรรม (Object)
แต่ความจริงแล้ว องค์ประกอบที่สำคัญในการแต่งประโยคภาษาอังกฤษให้ได้มาตรฐาน มี 3 ส่วน คือ
คำศัพท์ (Vocabulary)
  
+
  
ไวยากรณ์ (Grammar)
=
ประโยค (Sentence)
+
  
Collocation
  
 
  Collocation คืออะไร
 อธิบายง่ายๆ Collocation คือ กลุ่มคำที่ต้องใช้ร่วมกัน หรือ เรียกอีกอย่างว่า "คำปรากฏร่วม"
จากตัวอย่างที่ได้กล่าวมาข้างต้น "go to school", "go home", "Happy birthday to you", "pass by", "pass away" เป็น Collocation
Collocation นั้นไม่เกี่ยวกับหลักไวยากรณ์ เพราะบางกลุ่มคำถึงแม้จะวางสลับตำแหน่ง หรือใช้คำไม่ถูก แต่ ก็ไม่ผิดไวยากรณ์แต่ประการใด แต่การใช้ Collocation ผิด จะทำให้เจ้าของภาษาหรือผู้ที่รู้ภาษาอังกฤษมากๆ ทราบได้ทันทีว่า เราเป็นคนต่างชาติและใช้ภาษาอังกฤษไม่ได้มาตรฐาน
คำว่า Collocation มาจากคำภาษาอังกฤษ 2 คำ คือ col (to do something with something or someone) + location มีคำแปลภาษาไทยว่า "คำปรากฏร่วม" Collocation เป็นการเชื่อมคำ การจัดวางคำ หรือกลุ่มคำ (รวมทั้ง idioms) ที่จำเป็นต้องใช้ร่วมกันในประโยค ที่เจ้าของภาษานิยมใช้ และเห็นว่าถูกต้องตามมาตรฐาน ซึ่งคำที่ใช้ร่วมกันนั้น จะใช้คำอื่นแทน หรือสลับตำแหน่งกันไม่ได้ ถึงแม้ว่าคำที่จะใช้แทนจะมีความหมายเหมือนกัน หรือใกล้เคียงกันก็ตาม
ความจริงทุกภาษาก็มี collocation รวมทั้งภาษาไทย ตัวอย่างเช่น
คำบางคำเมื่อใช้ร่วมกันแล้วสลับตำแหน่งกันไม่ได้ เช่น

Thai collocation
บ่ายสองโมงไม่ใช่ สองโมงบ่าย (บ่ายต้องนำหน้าเวลา)
ห้าโมงเย็นไม่ใช่ เย็นห้าโมง (เย็นต้องตามหลังเวลา)
หรือ ฝนตกไม่ลืมหูลืมตา (ฝนตกหนัก)ไม่ใช่ ฝนตกไม่ลืมตาลืมหู
คนไทยก็ไม่มีเหตุผล หรือหลักไวยากรณ์ในเรื่องนี้ ทั้งที่บ่ายกับเย็น มีความหมายบอกช่วงเวลาของวันเหมือนกัน หรือ หูกับตาก็เป็นอวัยวะเหมือนกัน แต่สลับตำแหน่งกันไม่ได้
English collocation
It rains cats and dogs.
ประโยคนี้เป็นสำนวน (idiom) แปลว่า ฝนตกหนัก
คำว่า cats and dogs เป็น collocation
เราไม่สามารถ เขียนเป็น dogs and cats หรือ cats and cows ได้
 
คำบางคำเมื่อใช้ร่วมกัน ความหมายก็เปลี่ยนไป เช่น

Thai collocation
หินอ่อน คือ marbleไม่ใช่ หินนุ่ม หินนิ่ม หรือ soft rock
ตัดถนน แปลว่า ทำถนนสายใหม่เพิ่มตัด แปลว่า ทำให้สั้นลง ลดลง แยกออกจากกัน
English collocation
The cloth has fast colour. (ผ้าสีไม่ตก)
เราจะทราบกันโดยส่วนใหญ่ว่า fast แปลว่า "เร็ว"
คำว่า stable หรือ durable ซึ่งแปลว่า "ทนทาน" น่าจะใกล้เคียงกว่า
แต่เจ้าของภาษาไม่ใช้คำว่า stable colour หรือ durable colour
ดังนั้นจึงต้องใช้คำว่า fast colour ตามเจ้าของภาษา ดังนั้นคำว่า fast colour จึงเป็น collocation
 
คำบางคำความหมายเหมือนกัน หรือใกล้เคียงกัน แต่ใช้แทนกันไม่ได้ เช่น

Thai collocation
ย่านธุรกิจไม่ใช่ เขตธุรกิจ
เขตป่าสงวนไม่ใช่ ย่านป่าสงวน
พื้นที่สีเขียวไม่ใช่ เขต/ย่าน สีเขียว
English collocation
คำว่า strong กับ powerful มีความหมายใกล้เคียงกัน
แต่ภาษาอังกฤษจะใช้คำว่า strong windstrong competition
และ powerful machinepowerful enginepowerful weapon
เราไม่สามารถใช้ strong machine หรือ powerful wind ได้
 
  ความสำคัญของ Collocation
 Collocation เป็นองค์ประกอบสำคัญที่ถูกละเลย ไม่ได้รับความสำคัญในการเรียนการสอนภาษาอังกฤษ ทั้งๆ ที่ Collocation ถูกใช้ในการเขียนภาษาอังกฤษ มากถึง 60-80% ดังนั้น การเน้นให้ท่องจำศัพท์เป็นคำๆ มากๆ จึงไม่ทำให้เราเรียนภาษาอังกฤษเก่งขึ้น เท่ากับการฝึกให้จดจำศัพท์เป็นกลุ่มคำ (Collocations) ศัพท์ที่ใช้ในชีวิตประจำวันทั่วไป มีไม่ถึง 4,000 คำ แต่ Collocations หรือกลุ่มคำศัพท์ที่ใช้ร่วมกับคำศัพท์เหล่านั้น มีมากมายหลายหมื่น Collocations ดั้งนั้น หากเรารู้ Collocations หลายหมื่น Collocations ก็เท่ากับว่า เราสามารถแต่งประโยคที่ถูกต้องได้มากมายนับไม่ถ้วน
ข้อควรระวังที่สำคัญยิ่ง พวกเราหลายคน ชอบเขียนภาษาอังกฤษแบบแปลตรงตัวจากไทยเป็นอังกฤษ ซึ่งอาจมีการใช้ Collocation ผิด ทำให้ความหมายผิดไปด้วย ตัวอย่างเช่น
  1. เธอเป็นคนใจเย็น
    Correct: She is cool-tempered.
    Wrong: She is cold-hearted. (เธอเป็นคนใจร้าย)
  2. เขาผ่านไป
    Correct: He passed by.
    Wrong: He passed away. (เขาเสียชีวิต)
  3. เขาทานยา
    Correct : He takes medicine.
    Wrong: He takes drugs.(เขาติดยาเสพติด)
  4. บ้านหันหน้าไปทางทิศตะวันออก
    Correct: The house looks east.
    Wrong: The house turns to east.
  5. เธอเป็นคนง่ายๆ
    Correct: She is easy-going.
    Wrong: She is an easy woman. (เธอเป็นผู้หญิงใจง่าย)
บทความที่เกี่ยวข้อง
2 วิธีเท่านั้น ที่ทำให้เราสามารถรู้ Collocations ได้มากๆ
ความเห็นของผู้เชี่ยวชาญด้านภาษาอังกฤษ
ผู้เชี่ยวชาญด้านภาษาอังกฤษได้จัดให้ Collocation เป็นเรื่องที่ยากที่สุดเรื่องหนึ่ง ในการเรียนภาษาอังกฤษ ของคนต่างชาติ ดังนี้
Harold E. Palmer (1877-1949)
ผู้แต่งหนังสือชื่อ "A Grammar of English Words"
Related link
http://en.wikipedia.org/wiki/Harold_E._Palmer
ได้เขียนไว้ในคำนำหน้า iii-iv ว่า
"ข้อผิดพลาดส่วนใหญ่ในการเขียนเรียงความภาษาอังกฤษของนักศึกษาต่างชาตินั้นเกี่ยวข้องกับเรื่องคำศัพท์.... มีคำศัพท์ในภาษาอังกฤษที่ใช้บ่อยประมาณ 1,000 คำ ที่ไม่เคยก่อความยุ่งยากในการใช้แก่ผู้ที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาแม่ แต่กลับสร้างปัญหาให้กับนักศึกษาต่างชาติ และเป็นเครื่องกีดขวางไม่ให้นักศึกษาต่างชาติใช้ภาษาอังกฤษได้อย่างถูกต้อง และมีประสิทธิภาพ คำศัพท์เหล่านี้ "ยาก" เนื่องจากสาเหตุหลายประการ ได้แก่
    1. คำศัพท์แต่ละคำทำหน้าที่ได้มากกว่า 1 ประเภท . . .
    2. คำศัพท์แต่ละคำอาจมี Collocations ได้มากมายหลายแบบ . . ."

Della Summers
บรรณาธิการอำนวยการของพจนานุกรม Longman Language Activator - The World's First Production Dictionary (1993, p.8)
Related link
www.dellasummersdictionaries.com
ได้กล่าวถึง Collocations ในพจนานุกรมเล่มนี้ว่า
"นักศึกษาจะแสดงความจำนงอยู่เสมอถึงความจำเป็นที่ต้องมีพจนานุกรมที่สามารถบอกพวกเขาได้ว่า ศัพท์คำใดที่ถูกต้องสำหรับข้อความนั้นๆ วลีใด หรือ Collocations ใดที่จะช่วยให้พวกเขาพัฒนาความสามารถในการสื่อสิ่งที่พวกเขาต้องการสื่อ"

A.P. Cowie, University of Leeds
ได้เขียนไว้ในบทนำของ Oxford Advanced Learner's Dictionary of Current English by A.S. Hornby, Fourth Edition (1995, p. vii ) ที่แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของ Collocations ไว้ว่า "เป็นเวลากว่า 40 ปีแล้ว ที่ Oxford University Press ได้จัดพิมพ์ Advanced Learner's Dictionary ของ A.S. Hornby ขึ้นเป็นครั้งแรก ซึ่งนับเป็นผลงานบุกเบิกอันโดดเด่น ที่เกิดจากการวิจัยอันละเอียดลึกซึ้งในแง่มุมต่างๆ ของการใช้ภาษาอังกฤษ รวมทั้งโครงสร้างประโยค และ Collocations อันเป็นที่รู้กันดีว่า สร้างความยากลำบากให้กับนักศึกษาชาวต่างชาติ"

Tom McArthur
The Oxford Companion To The English Language ปี 1992
ได้ระบุความสำคัญของ Collocations ไว้ในหน้า 231 - 232 ว่า "Collocations เป็นพื้นฐานของภาษา ที่ผู้ศึกษาจำเป็นต้องเรียนรู้ถึงความละเอียดอ่อนของมัน เพราะความผิดพลาดในการจัดเรียงคำในการเขียนภาษาอังกฤษ จะเป็นเครื่องบ่งชี้ที่สำคัญถึงความเป็นคนต่างชาติ"
 
      Top 
  
 
 2 วิธีที่ทำให้คุณรู้ Collocations ได้มากๆ
 
 เนื่องจาก Collocations เป็นสิ่งที่ไม่มีหลักเกณฑ์ตายตัวเหมือนไวยากรณ์ ผู้สอนภาษาอังกฤษจึงไม่สามารถสอน Collocations ได้ทั้งหมดในสถานศึกษา ดังนั้น หากคุณต้องการรู้ Collocations มากๆ จึงมีเพียง 2 วิธีเท่านั้น คือ
1. ท่องจำและฝึกฝนจนขึ้นใจ
เพราะภาษาเป็นเรื่องของการเลียนแบบ ดังนั้นการเขียนหรือพูดให้ได้อย่างเจ้าของภาษา คุณจะต้องหัดสังเกตกลุ่มคำ ดูว่าคำใดมักใช้คู่กับคำใด รวมทั้งสังเกตวิธีการวางตำแหน่งของคำที่เจ้าของภาษาใช้ ทั้งจากการอ่านมากๆ และฟังมากๆ แล้วหมั่นฝึกฝนใช้ Collocations เหล่านั้น ด้วยการเขียนมากๆ และพูดมากๆ จนเคยชินและชำนาญ วิธีนี้หากตั้งใจจริง และอดทนในการฝึกฝน คุณจะประสบความสำเร็จแน่นอน แต่คนส่วนใหญ่มักจะท้อเสียก่อน
2. มี พจนานุกรม English By Example  เป็นคู่มือ 
พจนานุกรม English By Example   เป็นพจนานุกรม English Collocations ฉบับแรก และฉบับเดียว ของประเทศไทย ที่จัดทำขึ้นเพื่อเป็นคู่มือให้คนไทยที่ไม่มีโอกาสอ่าน เขียน พูด หรือพบเห็นตัวอย่างการใช้คำภาษาอังกฤษได้มากๆ สามารถเปิดค้นหาตัวอย่างประโยค หรือวลีที่ต้องการเขียนได้ นอกจากนี้ผู้ที่ต้องใช้ภาษาอังกฤษในการทำงาน เมื่อเกิดข้อสงสัย ก็สามารถค้นหาคำศัพท์ที่ถูกต้องจากพจนานุกรมฉบับนี้ได้เช่นกัน

พจนานุกรม English By Example นี้รวบรวมคำศัพท์ภาษาอังกฤษ ที่ถูกใช้บ่อยในชีวิตประจำวัน หรือคำศัพท์ที่คนไทยมักใช้ผิดจำนวน 4,663 คำ คำศัพท์แต่ละคำมีตัวอย่างการใช้คำ ในรูปของวลีหรือประโยคในสถานการณ์ต่างๆ เป็นจำนวนมาก และมากกว่าพจนานุกรมทั่วไปหลายเท่าไม่ว่าจะเป็นพจนานุกรมอังกฤษ-อังกฤษ หรือ อังกฤษ-ไทย ซึ่งตัวอย่างมากมายเหล่านี้ มีข้อดีคือ คุณไม่ต้องเปิดพจนานุกรมหลายเล่มเพื่อหาตัวอย่างที่ต้องการเขียน เมื่อใดที่คุณนึกประโยคไม่ออก คุณเพียงเปิดไปที่คำศัพท์หลักที่ต้องการเขียน แล้วค้นหาตัวอย่างในพจนานุกรมเล่มนี้คัดลอกได้เลย หากตัวอย่างเป็นวลี คุณแค่หาประธาน กริยา หรือกรรมใส่ไปก็จะได้ประโยคที่ต้องการเขียน ทำให้การแต่งประโยคเป็นเรื่องง่าย ไม่ยากอย่างที่เคยประสบ นอกจากนี้ภาษาไทยที่แปลกำกับในแต่ละตัวอย่างยังช่วยให้คุณเข้าใจความหมายของตัวอย่างประโยคได้ถูกต้องอีกด้วย
 
  
      Top 
  


 Collocation คืออะไร
 อธิบายง่ายๆ Collocation คือ กลุ่มคำที่ต้องใช้ร่วมกัน หรือ เรียกอีกอย่างว่า "คำปรากฏร่วม"
จากตัวอย่างที่ได้กล่าวมาข้างต้น "go to school", "go home", "Happy birthday to you", "pass by", "pass away" เป็น Collocation
Collocation นั้นไม่เกี่ยวกับหลักไวยากรณ์ เพราะบางกลุ่มคำถึงแม้จะวางสลับตำแหน่ง หรือใช้คำไม่ถูก แต่ ก็ไม่ผิดไวยากรณ์แต่ประการใด แต่การใช้ Collocation ผิด จะทำให้เจ้าของภาษาหรือผู้ที่รู้ภาษาอังกฤษมากๆ ทราบได้ทันทีว่า เราเป็นคนต่างชาติและใช้ภาษาอังกฤษไม่ได้มาตรฐาน
คำว่า Collocation มาจากคำภาษาอังกฤษ 2 คำ คือ col (to do something with something or someone) + location มีคำแปลภาษาไทยว่า "คำปรากฏร่วม" Collocation เป็นการเชื่อมคำ การจัดวางคำ หรือกลุ่มคำ (รวมทั้ง idioms) ที่จำเป็นต้องใช้ร่วมกันในประโยค ที่เจ้าของภาษานิยมใช้ และเห็นว่าถูกต้องตามมาตรฐาน ซึ่งคำที่ใช้ร่วมกันนั้น จะใช้คำอื่นแทน หรือสลับตำแหน่งกันไม่ได้ ถึงแม้ว่าคำที่จะใช้แทนจะมีความหมายเหมือนกัน หรือใกล้เคียงกันก็ตาม
ความจริงทุกภาษาก็มี collocation รวมทั้งภาษาไทย ตัวอย่างเช่น
คำบางคำเมื่อใช้ร่วมกันแล้วสลับตำแหน่งกันไม่ได้ เช่น

Thai collocation
บ่ายสองโมงไม่ใช่ สองโมงบ่าย (บ่ายต้องนำหน้าเวลา)
ห้าโมงเย็นไม่ใช่ เย็นห้าโมง (เย็นต้องตามหลังเวลา)
หรือ ฝนตกไม่ลืมหูลืมตา (ฝนตกหนัก)ไม่ใช่ ฝนตกไม่ลืมตาลืมหู
คนไทยก็ไม่มีเหตุผล หรือหลักไวยากรณ์ในเรื่องนี้ ทั้งที่บ่ายกับเย็น มีความหมายบอกช่วงเวลาของวันเหมือนกัน หรือ หูกับตาก็เป็นอวัยวะเหมือนกัน แต่สลับตำแหน่งกันไม่ได้
English collocation
It rains cats and dogs.
ประโยคนี้เป็นสำนวน (idiom) แปลว่า ฝนตกหนัก
คำว่า cats and dogs เป็น collocation
เราไม่สามารถ เขียนเป็น dogs and cats หรือ cats and cows ได้
 
คำบางคำเมื่อใช้ร่วมกัน ความหมายก็เปลี่ยนไป เช่น

Thai collocation
หินอ่อน คือ marbleไม่ใช่ หินนุ่ม หินนิ่ม หรือ soft rock
ตัดถนน แปลว่า ทำถนนสายใหม่เพิ่มตัด แปลว่า ทำให้สั้นลง ลดลง แยกออกจากกัน
English collocation
The cloth has fast colour. (ผ้าสีไม่ตก)
เราจะทราบกันโดยส่วนใหญ่ว่า fast แปลว่า "เร็ว"
คำว่า stable หรือ durable ซึ่งแปลว่า "ทนทาน" น่าจะใกล้เคียงกว่า
แต่เจ้าของภาษาไม่ใช้คำว่า stable colour หรือ durable colour
ดังนั้นจึงต้องใช้คำว่า fast colour ตามเจ้าของภาษา ดังนั้นคำว่า fast colour จึงเป็น collocation
 
คำบางคำความหมายเหมือนกัน หรือใกล้เคียงกัน แต่ใช้แทนกันไม่ได้ เช่น

Thai collocation
ย่านธุรกิจไม่ใช่ เขตธุรกิจ
เขตป่าสงวนไม่ใช่ ย่านป่าสงวน
พื้นที่สีเขียวไม่ใช่ เขต/ย่าน สีเขียว
English collocation
คำว่า strong กับ powerful มีความหมายใกล้เคียงกัน
แต่ภาษาอังกฤษจะใช้คำว่า strong windstrong competition
และ powerful machinepowerful enginepowerful weapon
เราไม่สามารถใช้ strong machine หรือ powerful wind ได้
 
  ความสำคัญของ Collocation
 Collocation เป็นองค์ประกอบสำคัญที่ถูกละเลย ไม่ได้รับความสำคัญในการเรียนการสอนภาษาอังกฤษ ทั้งๆ ที่ Collocation ถูกใช้ในการเขียนภาษาอังกฤษ มากถึง 60-80% ดังนั้น การเน้นให้ท่องจำศัพท์เป็นคำๆ มากๆ จึงไม่ทำให้เราเรียนภาษาอังกฤษเก่งขึ้น เท่ากับการฝึกให้จดจำศัพท์เป็นกลุ่มคำ (Collocations) ศัพท์ที่ใช้ในชีวิตประจำวันทั่วไป มีไม่ถึง 4,000 คำ แต่ Collocations หรือกลุ่มคำศัพท์ที่ใช้ร่วมกับคำศัพท์เหล่านั้น มีมากมายหลายหมื่น Collocations ดั้งนั้น หากเรารู้ Collocations หลายหมื่น Collocations ก็เท่ากับว่า เราสามารถแต่งประโยคที่ถูกต้องได้มากมายนับไม่ถ้วน
ข้อควรระวังที่สำคัญยิ่ง พวกเราหลายคน ชอบเขียนภาษาอังกฤษแบบแปลตรงตัวจากไทยเป็นอังกฤษ ซึ่งอาจมีการใช้ Collocation ผิด ทำให้ความหมายผิดไปด้วย ตัวอย่างเช่น
  1. เธอเป็นคนใจเย็น
    Correct: She is cool-tempered.
    Wrong: She is cold-hearted. (เธอเป็นคนใจร้าย)
  2. เขาผ่านไป
    Correct: He passed by.
    Wrong: He passed away. (เขาเสียชีวิต)
  3. เขาทานยา
    Correct : He takes medicine.
    Wrong: He takes drugs.(เขาติดยาเสพติด)
  4. บ้านหันหน้าไปทางทิศตะวันออก
    Correct: The house looks east.
    Wrong: The house turns to east.
  5. เธอเป็นคนง่ายๆ
    Correct: She is easy-going.
    Wrong: She is an easy woman. (เธอเป็นผู้หญิงใจง่าย)
บทความที่เกี่ยวข้อง
2 วิธีเท่านั้น ที่ทำให้เราสามารถรู้ Collocations ได้มากๆ
ความเห็นของผู้เชี่ยวชาญด้านภาษาอังกฤษ
ผู้เชี่ยวชาญด้านภาษาอังกฤษได้จัดให้ Collocation เป็นเรื่องที่ยากที่สุดเรื่องหนึ่ง ในการเรียนภาษาอังกฤษ ของคนต่างชาติ ดังนี้
Harold E. Palmer (1877-1949)
ผู้แต่งหนังสือชื่อ "A Grammar of English Words"
Related link
http://en.wikipedia.org/wiki/Harold_E._Palmer
ได้เขียนไว้ในคำนำหน้า iii-iv ว่า
"ข้อผิดพลาดส่วนใหญ่ในการเขียนเรียงความภาษาอังกฤษของนักศึกษาต่างชาตินั้นเกี่ยวข้องกับเรื่องคำศัพท์.... มีคำศัพท์ในภาษาอังกฤษที่ใช้บ่อยประมาณ 1,000 คำ ที่ไม่เคยก่อความยุ่งยากในการใช้แก่ผู้ที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาแม่ แต่กลับสร้างปัญหาให้กับนักศึกษาต่างชาติ และเป็นเครื่องกีดขวางไม่ให้นักศึกษาต่างชาติใช้ภาษาอังกฤษได้อย่างถูกต้อง และมีประสิทธิภาพ คำศัพท์เหล่านี้ "ยาก" เนื่องจากสาเหตุหลายประการ ได้แก่
    1. คำศัพท์แต่ละคำทำหน้าที่ได้มากกว่า 1 ประเภท . . .
    2. คำศัพท์แต่ละคำอาจมี Collocations ได้มากมายหลายแบบ . . ."

Della Summers
บรรณาธิการอำนวยการของพจนานุกรม Longman Language Activator - The World's First Production Dictionary (1993, p.8)
Related link
www.dellasummersdictionaries.com
ได้กล่าวถึง Collocations ในพจนานุกรมเล่มนี้ว่า
"นักศึกษาจะแสดงความจำนงอยู่เสมอถึงความจำเป็นที่ต้องมีพจนานุกรมที่สามารถบอกพวกเขาได้ว่า ศัพท์คำใดที่ถูกต้องสำหรับข้อความนั้นๆ วลีใด หรือ Collocations ใดที่จะช่วยให้พวกเขาพัฒนาความสามารถในการสื่อสิ่งที่พวกเขาต้องการสื่อ"

A.P. Cowie, University of Leeds
ได้เขียนไว้ในบทนำของ Oxford Advanced Learner's Dictionary of Current English by A.S. Hornby, Fourth Edition (1995, p. vii ) ที่แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของ Collocations ไว้ว่า "เป็นเวลากว่า 40 ปีแล้ว ที่ Oxford University Press ได้จัดพิมพ์ Advanced Learner's Dictionary ของ A.S. Hornby ขึ้นเป็นครั้งแรก ซึ่งนับเป็นผลงานบุกเบิกอันโดดเด่น ที่เกิดจากการวิจัยอันละเอียดลึกซึ้งในแง่มุมต่างๆ ของการใช้ภาษาอังกฤษ รวมทั้งโครงสร้างประโยค และ Collocations อันเป็นที่รู้กันดีว่า สร้างความยากลำบากให้กับนักศึกษาชาวต่างชาติ"

Tom McArthur
The Oxford Companion To The English Language ปี 1992
ได้ระบุความสำคัญของ Collocations ไว้ในหน้า 231 - 232 ว่า "Collocations เป็นพื้นฐานของภาษา ที่ผู้ศึกษาจำเป็นต้องเรียนรู้ถึงความละเอียดอ่อนของมัน เพราะความผิดพลาดในการจัดเรียงคำในการเขียนภาษาอังกฤษ จะเป็นเครื่องบ่งชี้ที่สำคัญถึงความเป็นคนต่างชาติ"
 
      Top 
  
 
 2 วิธีที่ทำให้คุณรู้ Collocations ได้มากๆ
 
 เนื่องจาก Collocations เป็นสิ่งที่ไม่มีหลักเกณฑ์ตายตัวเหมือนไวยากรณ์ ผู้สอนภาษาอังกฤษจึงไม่สามารถสอน Collocations ได้ทั้งหมดในสถานศึกษา ดังนั้น หากคุณต้องการรู้ Collocations มากๆ จึงมีเพียง 2 วิธีเท่านั้น คือ
1. ท่องจำและฝึกฝนจนขึ้นใจ
เพราะภาษาเป็นเรื่องของการเลียนแบบ ดังนั้นการเขียนหรือพูดให้ได้อย่างเจ้าของภาษา คุณจะต้องหัดสังเกตกลุ่มคำ ดูว่าคำใดมักใช้คู่กับคำใด รวมทั้งสังเกตวิธีการวางตำแหน่งของคำที่เจ้าของภาษาใช้ ทั้งจากการอ่านมากๆ และฟังมากๆ แล้วหมั่นฝึกฝนใช้ Collocations เหล่านั้น ด้วยการเขียนมากๆ และพูดมากๆ จนเคยชินและชำนาญ วิธีนี้หากตั้งใจจริง และอดทนในการฝึกฝน คุณจะประสบความสำเร็จแน่นอน แต่คนส่วนใหญ่มักจะท้อเสียก่อน
2. มี พจนานุกรม English By Example  เป็นคู่มือ 
พจนานุกรม English By Example   เป็นพจนานุกรม English Collocations ฉบับแรก และฉบับเดียว ของประเทศไทย ที่จัดทำขึ้นเพื่อเป็นคู่มือให้คนไทยที่ไม่มีโอกาสอ่าน เขียน พูด หรือพบเห็นตัวอย่างการใช้คำภาษาอังกฤษได้มากๆ สามารถเปิดค้นหาตัวอย่างประโยค หรือวลีที่ต้องการเขียนได้ นอกจากนี้ผู้ที่ต้องใช้ภาษาอังกฤษในการทำงาน เมื่อเกิดข้อสงสัย ก็สามารถค้นหาคำศัพท์ที่ถูกต้องจากพจนานุกรมฉบับนี้ได้เช่นกัน

พจนานุกรม English By Example นี้รวบรวมคำศัพท์ภาษาอังกฤษ ที่ถูกใช้บ่อยในชีวิตประจำวัน หรือคำศัพท์ที่คนไทยมักใช้ผิดจำนวน 4,663 คำ คำศัพท์แต่ละคำมีตัวอย่างการใช้คำ ในรูปของวลีหรือประโยคในสถานการณ์ต่างๆ เป็นจำนวนมาก และมากกว่าพจนานุกรมทั่วไปหลายเท่าไม่ว่าจะเป็นพจนานุกรมอังกฤษ-อังกฤษ หรือ อังกฤษ-ไทย ซึ่งตัวอย่างมากมายเหล่านี้ มีข้อดีคือ คุณไม่ต้องเปิดพจนานุกรมหลายเล่มเพื่อหาตัวอย่างที่ต้องการเขียน เมื่อใดที่คุณนึกประโยคไม่ออก คุณเพียงเปิดไปที่คำศัพท์หลักที่ต้องการเขียน แล้วค้นหาตัวอย่างในพจนานุกรมเล่มนี้คัดลอกได้เลย หากตัวอย่างเป็นวลี คุณแค่หาประธาน กริยา หรือกรรมใส่ไปก็จะได้ประโยคที่ต้องการเขียน ทำให้การแต่งประโยคเป็นเรื่องง่าย ไม่ยากอย่างที่เคยประสบ นอกจากนี้ภาษาไทยที่แปลกำกับในแต่ละตัวอย่างยังช่วยให้คุณเข้าใจความหมายของตัวอย่างประโยคได้ถูกต้องอีกด้วย
 
  
      Top